4.2.57

ค่านิยมวันวาเลนไทน์

                
         ค่านิยมวันวาเลนไทน์ ฆ่านิยมวันเสียตัวแห่งชาติ
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกับการออกมาให้ข่าวของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐอย่าง กระทรวงวัฒนธรรม หรือ แม้กระทั่งสื่อสารมวลชนทุก ๆ แขนง พิพากษาให้ "วันวาเลนไทน์" ว่าเป็น "วันเสียตัวแห่งชาติ" ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจกับเด็กเป็นวงกว้างนั้น 
          นายอรุณฉัตร คุรุวาณิชย์ ประธานสภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นที่ผู้ใหญ่มักให้ภาพวันวาเลนไทน์กับวัยรุ่นเป็นภาพลบมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เขากล่าวไม่เห็นด้วยกับการที่ทุก ๆ ปีนั้นจะมีผู้ใหญ่ออกมาอิงกระแสตราหน้าหาว่าวัยรุ่นใช้วันวันวาเลนไทน์เป็น "พลีกาย" เป็น วันเสียตัวแห่งชาติ"
ข่าวป้ายสีเด็กลงฟรี ข่าวเด็กดีๆ ต้องเสียตังค์ลง
         
  "ทุก ๆ ปีผู้ใหญ่และสื่อ ให้ความสำคัญกับวันนี้มากมาย จนสถานประกอบการต่างๆ จับกระแสได้โดยเริ่มคลอดโปรโมชั่นแบบยั่วยวนให้กลุ่มเด็กเข้าไปใช้บริการเหล่านั้น ซึ่งแทนที่ผู้ใหญ่ สื่อ กระทรวงวัฒนธรรมจะนำเสนอหรือออกมาพูดในเรื่องดีๆ ของเด็กในวันนี้ ซึ่งมีเต็มหมด เช่น เด็กออกมาทำอะไรสร้างสรรค์ ออกมารณรงค์เรื่องดี ๆ และขยายความหมายของวันนี้มากกว่าวันแห่งความรักเชิงชู้สาวที่เน้นความรักแบบต้องมีเซ็กส์กัน แต่ผู้ใหญ่และสื่อเลือกจับคู่เอาเรื่องเด็กกับสิ่งไม่ดีเสนอ ๆ "
          พอเกิดด้านลบมากๆ ประธานสภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร บอกว่า จริง ๆ วัยรุ่นที่ทำตัวไม่ดีมีแค่ 10 % พอออกข่าวไปแล้วก็บอกว่า "วัยโจ๋-นักศึกษา…" ซึ่งถ้าพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเหมารวมหมด เด็กส่วนใหญ่ที่ทำตัวดีก็โดนด่า ซึ่งเป็นการพูดความจริงแค่นิดเดียว ผู้ใหญ่ใช้ไม่ได้ซึ่งคาดว่า วาเลนไทน์ปีนี้เด็กก็จะโดนกล่าวหาว่าทำตัวไม่ดีเหมือนเคย
          "เด็กดี ๆ หลายคนรู้สึกว่าเด็ก ๆ ถูกป้ายสีนะ แต่อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า "ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์" แทนที่เราจะมาลงข่าวว่าเด็ก เราไม่ดียังไงๆ ทำไมผู้ใหญ่ไม่รณรงค์ว่าวาเลนไทน์เป็นวันสุภาพบุรุษ วาเลนไทน์เป็นวันมีคนมาช่วยกันในสังคม มาช่วยกันอนุรักษ์สังคม ไม่ต้องไปจงใจในเรื่องของเซ็กส์แอนตี้อยางเดียวแต่ว่า เป็นเรื่องของเรื่องทั่วไป เราไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็นวันแห่งความรัก แต่เรารักอย่างอื่นได้ รักสังคมได้ รักพ่อแม่ก็ได้นะ อันนี้ผู้ใหญ่ควรจะรู้ไว้" ประธานสภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร กล่าว
 
วันวาเลนไทน์ โจ๋ไทยกับทัศนะหลากหลายที่ผู้ใหญ่ปากร้ายต้องฟัง
         นางสาวพินทุอร อุทัยวรรณ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงทัศนะกับไทยรัฐออนไลน์ว่าวันนี้เป็นวันแห่งการสูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ไปกับ ของขวัญและดอกไม้
       "มองว่าวันวาเลนไทน์ก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ซึ่งนอกจากจะได้อยู่กับแฟนแล้วยังจะได้อยู่กับครอบครัวไปด้วยในตัว อย่างไรก็ดีพลอยอยากจะวิงวอนให้ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองให้เข้าใจเด็กว่าบางคนไม่มีความคิดแบบนั้น อยากให้ผู้ใหญ่มองว่าเด็กก็มีความคิดดี ๆ เหมือนกัน" 
         นางสาวรัสวดี วันทรงธรรม รัฐศาสตร์ปี 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนคิดว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ใหญ่กล่าวหาเด็ก ๆ แบบนั้น คงเพราะผู้ใหญ่คิดว่า วันนี้มันเป็นค่านิยมของเด็ก อีกทั้งผู้ชายส่วนหนึ่งก็ใช้วันนี้เป็นข้ออ้างด้วย แต่จริงๆ แล้วผู้ใหญ่ลืมไปว่าเด็กที่เขาว่าเหลวแหลกนั้นเป็นส่วนน้อยของสังคมแค่ 20 % เท่านั้น
          "วิธีแก้ไขได้นอกจากผู้ใหญ่จะหยุดตอกย้ำเอาเรื่องของคนกลุ่มเล็กมาพูดแล้ว ครอบครัวก็เป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝังให้เรามีความยังยังช่างใจ ซึ่งวันวาเลนไทน์ไม่จำกัดอยูแค่ต้องอยู่กับแฟนเท่านั้น ความรักมันยังกินความหมายไปได้ ถึง พ่อ-แม่-ครู ซึ่งท่านเลี้ยงและสั่งสอนเรามาก็ควรจะตอบแทนท่านด้วยความรักและเอาใจใส่ดีกว่าไปทำตัวเหลวไหล"
          นาย ชูวรรธณ์ ชีวะอุดมกล่าวว่า ในฐานะผู้ชายผมมีความรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษวันหนึ่งบนหน้าปฏิทินเท่านั้น ซึ่งก็คงจะมีของขวัญมอบให้กับคนรัก แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงแฟนอย่างเดียวหมายถึงครอบครัวพ่อ แม่ พี่น้อง ด้วย  อาจจะมีการไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะให้แต่แฟนแค่คนเดียวซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว
        "ทุก ๆ ครั้งที่พวกผู้ใหญ่นินทาเด็กว่าวันนี้มันจะต้องเสียตัวกันนั้น ผมมองว่ามันเป็นค่านิยมที่ผิดๆ เป็นทัศนะคติดที่ใช้ไม่ได้ ซึ่งถ้าหากผู้ใหญ่เอาแต่ด่าๆ แล้วก็ไม่หาทางออกให้ เรื่องนี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขสักที สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำก็คืออยากให้ภาครัฐตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันาปลูกฝังค่านิยมใหม่ดี ๆ กระทั่งสร้างคอมเพล็กดีๆ เพื่อให้เยาวนไปทำกิจกรรมและหาความรู้ดีแบบไม่เสียเงิน ดีกว่าโกงชาติบ้านเมือง" 

ที่มา  http://hilight.kapook.com/view/46127   และ ไทยรัฐ


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น